“เคยคิดหรือไม่ ? หากวันหนึ่งท่านไม่ได้ยินเสียง ท่านจะทำอย่างไร ? ”
หู คือ อวัยวะที่เราคอยใช้ฟังเสียงต่าง ๆ และถือว่าเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญที่สุดอีกด้วย แต่ถ้าหากหูของท่านเกิดการสูญเสียการได้ยินขึ้นมา ไม่ว่าจะเกิดด้วยอุบัติเหตุ อายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือ การใช้งานหูอย่างหนัก อาจจะทำให้การใช้ชีวิตของท่านเปลี่ยนไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งถ้าหากท่านยังคิดอยู่ว่า ท่านยังคงฟังเสียงได้อย่างปกติดีอยู่แล้ว เพราะอายุของท่านยังน้อย ปล่อยให้การได้ยินถดถอยลงไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุด ปัญหาที่เกิดมันร้ายแรงเกินกว่าที่ท่านจะรับได้ เมื่อถึงตอนนั้นก็อาจจะช้าไปเสียแล้ว ดังนั้นสำหรับท่านใดที่คิดว่าหูของท่านคือสิ่งสำคัญ แล้วอยากรู้วิธีการตรวจสอบการได้ยินของตัวท่านเองว่าปกติดีหรือไม่ ศูนย์การได้ยินเดียร์ จะขอแนะนำบริการ” “ตรวจวัดระดับการได้ยิน” ว่าการได้ยินของท่าน ยังปกติดีอยุ่หรือไม่
การตรวจการได้ยินคืออะไร ?
คือการตรวจหาระดับการได้ยินของหูทั้งสองข้างเพื่อดูว่ามีการสูญเสียการได้ยินในระดับใด ด้วยการทดสอบการไล่ระดับความดังของเสียงในแต่ละความถี่ โดยทำการตรวจผ่านเครื่องAudiometer และตู้เก็บเสียง โดยจะให้ผู้เข้าทดสอบ กดปุ่มผ่านอุปกรณ์(Patient response)โดยกดค้างไว้หากได้ยินเสียง ซึ่งการตรวจการได้ยินนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ การตรวจการได้ยินผ่านการนำเสียงผ่านอากาศ,การตรวจการได้ยินผ่านการนำเสียงทางกระดูก และการตรวจการได้ยินโดยใช้เสียงพูด เมื่อทดสอบเสร็จแล้ว ก็จะนำผลการตรวจมาวิเคราะห์ดูว่าความสามารถในการได้ยินมีความผิดปกติหรือไม่ และเพื่อให้ทราบระดับการได้ยินของผู้ทดสอบอีกด้วย
ภาพกราฟจำลองระดับการสูญเสียการได้ยินตามคลื่นความถี่
Credit : babyhearing.org
Patient response
ภาพกราฟผลตรวจการได้ยิน
Audiometer
การตรวจการได้ยินจะต้องตรวจอะไรบ้าง ?
1.เริ่มต้นเลย นั้นคือการทำประวัติเบื้องต้น เพื่อซักถามประวัติเกี่ยวกับการได้ยินว่าเคยมีปัญหามาก่อนหรือไม่ หรือ มีอาการจากการได้ยินมาเป็นอย่างไร
2.หลังจากสอบถามประวัติเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการตรวจความผิดปกติในช่องหู ซึ่งเราจะใช้อุปกรณ์มีชื่อว่า Otoscope มี่หน้าที่ในการส่องดูช่องหู และเยื่อแก้วหูว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เมื่อตรวจเสร็จแล้ว ก็จะให้ผู้เข้ารับการตรวจ เข้าไปในตู้เก็บเสียงเพื่อทำการตรวจต่อ ซึ่งการตรวจผ่านตู้เก็บเสียงนั้นจะมีการตรวจหูทั้ง 3 อย่างด้วยกันนั้นก็คือ
-การตรวจการได้ยินผ่านการนำเสียงผ่านอากาศ (Air conduction) คือการตรวจการฟังเสียงผ่านหูฟัง เข้าสู่หูชั้นนอก,ชั้นกลาง,ชั้นใน โดยใช้เสียงบริสุทธิ์(Pure tone)เป็นตัวทดสอบ เพื่อดูว่าสูญเสียการได้ยินในระดับไหน (โดยเริ่มต้นจาก การสูญเสียระดับเล็กน้อย ถึงสูญเสียระดับมาก)
-การตรวจการได้ยินผ่านการนำเสียงทางกระดูก (Bone conduction) เป็นการตรวจการได้ยินผ่านหูฟังเข้าทางกระดูกกกหู(กระดูกมาสตอยด์) โดยใช้เสียงบริสุทธิ์(Pure tone)เป็นตัวทดสอบ เพื่อแยกการสูญเสียทางการได้ยินว่าหูเสียแบบไหน เช่น ปลายประสาทหูเสื่อม,ประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง เป็นต้น
-การตรวจการได้ยินโดยใช้เสียงพูด (Speech audiometer)เป็นการตรวจเพื่อดูความสามารถในการแยกแยะเสียงของระบบประสาทหูว่า คงเหลืออยู่เท่าไหร่ ด้วยการทดสอบพูดตามเสียงที่ได้ยิน
อุปกรณ์ Otoscope
การตรวจการได้ยินผ่านการนำเสียงทางกระดูก
เครื่องตรวจการได้ยินและสภาพห้องตรวจ
การตรวจการได้ยินผ่านการนำเสียงผ่านอากาศ
3.เมื่อทำการตรวจตามขั้นตอน ดังที่กล่าวมาเสร็จเรียบร้อย ก็นำผลตรวจที่ได้มาวิเคราะห์หาระดับการได้ยินของผู้เข้ารับการตรวจ ถ้าหากผลการตรวจออกมาแล้วไม่มีความผิดปกติใด ๆ อาจจะแนะนำให้พบกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการรักษาอาการต่อไป ในกรณีที่เจ็บหูหรือมีอาการหูอื้อ แต่ถ้าหากการผลตรวจ แสดงผลถึงความผิดปกติทางการได้ยิน เช่นการได้ยินเสียงสูง เสียงต่ำมีปัญหา ก็จะเป็นขั้นตอนในการทดลองใส่เครื่องช่วยฟัง ซึ่งเครื่องช่วยฟังที่ใช้ทดลองนั้นเป็นเครื่องช่วยฟัง WIDEX โดยเจ้าหน้าที่จะใช้โปรแกรม WIDEX compass GPS ในการปรับจูนเครื่องช่วยฟังให้เสียงที่เข้าผ่านเครื่องนั้นเข้าไปขยายเสียงให้พอดีกับระดับการได้ยินตามผลตรวจ และใช้เพื่อประเมินการใช้เครื่องช่วยฟัง ส่วน Speech tracker จะแสดงให้เห็นเป็นกราฟผ่านหน้าจอโปรแกรม WIDEX compass GPS ในขณะที่ผู้เข้าทดสอบ สวมใส่เครื่องช่วยฟังอยู่ว่า หลังจากที่ใส่แล้วการได้ยินของผู้สวมใส่ดีขึ้นหรือได้ยินชัดเจนมากขึ้นแค่ไหน ซึ่งสามารถดูได้แบบเรียลไทม์
เจ้าหน้าที่ตรวจการได้ยินชี้ไปยังกราฟเพื่อแสดงให้เห็นถึงระดับการได้ยินของผู้ทดสอบว่าอยู่ในระดับไหน
Speech tracker ใช้ในการอธิบายฟังก์ชั่นของการทำงานเครื่องช่วยฟังว่าเมื่อผู้ทดสอบสวมใส่แล้วการได้ยินดีขึ้นแค่ไหน
เมื่อไม่ได้ยินเสียง หรือเกิดปัญหาทางการได้ยินขึ้นเช่น ได้ยินเสียงเบาลง ได้ยินเสียงไม่ชัด หรือฟังเสียงที่ดังขึ้นแต่ได้ยินเหมือนปกติ ควรรีบมาตรวจการได้ยินเพื่อหาสาเหตุของอาการให้ไวที่สุดเพราะ หากปล่อยเอาไว้นาน อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเกิดอุบัติเหตุ หรือการสื่อสารผิดพลาดกับคนรอบข้างได้ หากท่านใดที่สนใจอยากใช้บริการตรวจการได้ยิน สามารถเข้ารับบริการตรวจการได้ยินได้ที่ศูนย์การได้ยินเดียร์ ทั้ง 13 สาขาทั่วประเทศ ดูแผนที่ตั้งของแต่ละสาขาได้ ที่นี่่ ค่าใช้จ่ายในการตรวจการได้ยินราคาเพียง 400 บาท หรือท่านใดที่ใช้เครือข่ายโทรศัพท์ของ DTAC สามารถใช้สิทธิ์เพื่อรับการตรวจการได้ยินฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตรวจสอบเงื่อนไขการใช้งานได้ ที่นี่ หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถโทรเข้ามาสอบถามได้ที่เบอร์ 02-668-1300 ทุกวันเว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00น. Fanpage : DEAR HEARING หรือทำนัดตรวจออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.dear.co.th/appointment/
วีดีโอแนะนำการเข้ารับการตรวจการได้ยิน